ในช่วงเวลานี้ของปี หลายประเทศของซีกโลกเหนือกำลังอยู่ในช่วงฤดูร้อน และแน่นอนว่าสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในหน้าร้อนย่อมหนีไม่พ้น “ทะเล” และ “ชายหาด” กระนั้น สิ่งที่มาพร้อมกับการไปเที่ยวทะเลและชายหาดในหลายประเทศ คือสิ่งมีชีวิตที่ทั้งสง่างามและน่ากลัวอย่าง “ฉลาม”

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวที่เกี่ยวข้องกับฉลามเริ่มปรากฏในหน้าสื่อของหลายประเทศ อย่างเช่นที่กรุงนิวยอร์กของสหรัฐฯ ก็เพิ่งสั่งเพิ่มการลาดตระเวนหลังจากมีคนถูกฉลามกัด 5 ครั้งในเวลาแค่ 2 วัน

ไขคำตอบ “หลุมแรงโน้มถ่วงในมหาสมุทรอินเดีย” เกิดจากอะไร?

ปลาใกล้โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ มีระดับกัมมันตรังสีเกินมาตรฐาน 180 เท่า

พบ “วัตถุท้องฟ้า” ชนิดใหม่ ที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจเกี่ยวกับ “แมกนีทาร์”

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการพบเห็นฉลามอย่างน้อย 50 ตัวที่เกาะลองไอส์แลนด์ ขณะที่ใกล้ชายฝั่งฟลอริดาที่มีผู้คนพลุดพล่าน ก้มีนักท่องเที่ยวรายงานพบฉลามว่ายอยู่ใกล้ชายฝั่งเช่นกัน

ตามข้อมูลของ International Shark Attack File (ISAF) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ครอบคลุมมากที่สุดในโลกเกี่ยวกับเหตุฉลามจู่โจมคน ระบุว่า โดยเฉลี่ย โอกาสที่คนจะถูกฉลามกัด อยู่ที่ 1 ใน 4 ล้าน

เฉพาะปีที่แล้ว มีเหตุการณ์ฉลามจู่โจมคนที่ยืนยันได้ทั้งหมด 57 ครั้ง โดย 5 ครั้งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม บางประเทศหรือพื้นที่บนโลกมีอัตราการถูกฉลามโจมตีสูงกว่าที่อื่นมาก และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเรื่อย ๆ

จากการเก็บข้อมูลอัตราการเกิดเหตุฉลามโจมตีคนช่วง 10 ปี ระหว่างปี 2012-2021 พบว่า มีเหตุฉลามทำร้ายคนเกิดขึ้นทั้งสิ้น 761 ครั้ง ซึ่ง 60 ครั้งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต

ที่น่าสนใจคือ ประเทศที่มีฉลามโจมตีคนมากที่สุดคือ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ เกาะเรอูนียง บราซิล และบาฮามาส

ที่สหรัฐฯ เกิดเหตุฉลามโจมตีคนทั้งสิ้น 471 ครั้งในช่วง 10 ปี ในจำนวนนี้มีอยู่ 8 ครั้งที่มีผู้เสียชีวิต โดยหากจำแนกลึกลงไป พบว่าเกิดที่รัฐฟลอริดามากที่สุด มากถึง 259 ครั้ง

รัฐฟลอริดาได้ชื่อว่าเป็นสถานที่เที่ยวทะเลและชายหาดที่คับคั่งที่สุดในสหรัฐฯ มีหลายจุดที่เหมาะกับการเล่นน้ำ โต้คลื่น แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางจุด เช่น มณฑลโวลูเซีย (Volusia) ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงของการถูกฉลามกัด” เพราะเป็นจุดที่มีการพบเห็นฝูงฉลามบ่อยครั้ง

รองลงมาจากสหรัฐฯ คือ ออสเตรเลีย ซึ่งเรามักได้ยินข่าวคนถูกฉลามทำร้ายในประเทศนี้อยู่บ่อยครั้ง โดยมีฉลามโจมตีคนทั้งสิ้น 143 ครั้งใน 10 ปี หากนับเฉพาะในปีที่แล้ว เกิดขึ้น 9 ครั้ง ที่นิวเซาท์เวลส์ 4 ครั้ง เวิสเทิร์นออสเตรเลีย 4 ครั้ง และในในรัฐวิกตอเรีย 1 ครั้ง

ส่วนที่แอฟริกาใต้ มีเหตุการณ์คนถูกฉลามกัด 29 ครั้งระหว่างปี 2012-2021 ซึ่ง 6 ครั้งในนี้มีผู้เสียชีวิตคำพูดจาก เว็บตรง

อันดับที่ 4 คือเกาะเรอูนียง ซึ่งเป็นภูมิภาคโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ระหว่างมาดากัสการ์และมอริเชียส เป็นเกาะภูเขาไฟที่ปกคลุมด้วยป่าดงดิบและเต็มไปด้วยสัตว์ป่า รวมถึงฉลามมากมายรอบชายฝั่ง

ระหว่างปี 2012-2021 มีเหตุฉลามโจมตีคนทั้งหมดเพียง 19 ครั้ง แต่มีถึง 8 ครั้ง ฟรือเกือบครึ่ง ที่มีผู้เสียชีวิต ทำให้เกาะนี้เป็นหนึ่งในสถานที่อันตรายที่สุดในโลกในแง่ของการเผชิญหน้ากับฉลาม

ทั้งนี้ เกาะเรอูนียงตั้งอยู่บนสิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ทางหลวงฉลาม” หรือพื้นที่ระหว่างน่านน้ำที่อุดมด้วยฉลามจากออสเตรเลียและแอฟริกาใต้

ตามมาด้วยบราซิล เกิดเหตุทั้งสิ้น 10 ครั้ง โดยเกิดขึ้นที่รัฐเปร์นัมบูกูทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศมากที่สุด เพราะเป็นที่ตั้งของหาดโบอาวิอาเจม (Boa Viagem) อันคึกคัก รวมถึงหมู่เกาะเฟร์นานโด เด โนรอนญา (Fernando de Noronha)

สุดท้ายคือบาฮามาส เกิดขึ้นทั้งหมด 5 ครั้ง โดยส่วนใหญ่เป็นฝีมือของฉลามพยาบาล (Nurse Shark) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ดุร้ายและว่านอนสอนง่าย กิจกรรมการว่ายน้ำเคียงข้างพวกมันถือเป็นกิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในบาฮามาส อย่างไรก็ตาม พวกมันตัวใหญ่มาก ยาวได้ถึง 4.2 เมตร ในบางครั้งจึงมีโอกาสที่จะถูกโจมตีได้

บาฮามาสเป็นที่เดียวที่พอจะระบุสายพันธุ์ฉลามที่โจมตีมนุษย์ได้ โดย ISAF ระบุว่า เป็นเรื่องยากมากที่จะระบุสายพันธุ์ฉลามที่โจมตีมนุษย์ เนื่องจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักได้รับบาดเจ็บหรือไม่มีสติมากพอจะจำแนกได้ว่า ฉลามที่โจมตีตนเป็นสายพันธุ์อะไร แต่ประเมินว่าฉลามขาว (White Shark) เป็นสายพันธุ์ที่ทำร้ายมนุษย์มากที่สุด

กาวิน เนย์เลอร์ ผู้อำนวยการโครงการวิจัยฉลามฟลอริดา กล่าวว่า ทั่วโลก เหยื่อที่ถูกฉลามกัดมักอยู่บนกระดานโต้คลื่น สกีน้ำ หรืออุปกรณ์ลอยน้ำอื่น ๆ “พยายามหลีกเลี่ยงการทำให้ผิวน้ำกระจาย เพราะมันสร้างเสียงที่ชวนให้นึกถึงปลาที่กำลังดิ้นรน (ซึ่งเป็นเหยื่อของฉลาม)”

เรียบเรียงจาก CNN

ภาพจาก AFP